Markdown คือ ภาษา Lightweight Markup ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้ Syntax ที่ใกล้เคียงกับการเขียน Plain Text เพื่อให้สะดวกต่อการอ่านและเขียน และสามารถแปลงฟอร์แมตไปเป็นผลลัพธ์ HTML ได้ ดังนั้นการเขียนบทความยาวๆหรือการสร้างเว็บเพจด้วย Markdown จึงทำให้ผู้เขียนสะดวกกว่าการใช้ภาษา HTML โดยตรง โดยมากไฟล์ Markdown จะใช้นามสกุลเป็น .md สำหรับการใช้นั้นเราจำเป็นต้องมี Markdown Parser หรือตัวแปลงผลลัพธ์ เพื่อแปลงเอกสาร Mardown ไปเป็น HTML อย่างไรก็ตาม Markdown Parser นั้นมักจะถูกติดตั้งไปพร้อมกับ Markdown Editor ซึ่งมักจะมีฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกอื่นๆด้วย
# Header 1 #
## Header 2 ##
###### Header 6
Header 1
========
Header 2
--------
เราสามารถเขียน Headers ได้สองรูปแบบด้วยกัน แบบแรกใช้เครื่องหมาย # นำหน้า (ลงท้ายมีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น) ซึ่งจะเรียงลำดับตามแท็ก H1-H6 ส่วนรูปแบบที่สองนั้นเขียนในลักษณะการขีดเส้นใต้ แต่จะมีรองรับเพียงแค่ H1 และ H2 เท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถใช้ผสมกันได้
**bold** *italic*
__bold__ _italic_
***bold & italic***
Syntax สำหรับตัวหนาและตัวเอียงนั้น เราจะต้องเขียนเครื่องหมายให้ติดกับตัวอักษรเท่านั้น !!!
* Item 1
With paragraph.
* item 2
เราสามารถใช้เครื่องหมาย * หรือ - หรือ + สำหรับ Unordered List ก็ได้ และหลังเครื่องหมายต้องเคาะเว้นวรรคด้วย ข้อแนะนำสำหรับการใช้ List คือ เราควรมีบรรทัดว่างก่อนการเขียน List เสมอ เช่น ถ้าเรามี Paragraph ก่อนหน้านั้น หากเราไม่มีบรรทัดว่างขั้นระหว่าง Paragraph กับ List ตัวแปลงอาจสับสนได้ เป็นต้น และถ้าเราต้องการแทรก Paragraph ไว้ใน List ด้วยแล้ว เราต้องมีบรรทัดเปล่าขั้นด้วยเสมอ
1. Item 1
2. item 2
ใช้หลักการเดียวกับ Unorder List แต่ใช้ Syntax เป็นตัวเลขและต้องมีเครื่องหมายจุดติดกันต่อท้ายด้วย
* Coffee
* Latte
* Cappucino
* Tea
* Green tea
* Thai tea
เราสามารถมี List ซ้อน List ได้ และยังสามารถเขียนผสมกันได้ระหว่าง Unordered และ Ordered ในการซ้อน List นั้นเราจะต้องเคาะเว้นวรรคให้ลึกขึ้นกว่า Level ก่อนหน้า (หรือ 4 เคาะ)
[text](http://url.com)
![alt text](/path/img.jpg)
`<html>`
เครื่องหมายเช่น "<" จะถูกเข้ารหัสเป็น "<"
> This is blockqoute.
>> Nested blockqoute.
---
***
ใช้สามตัวติดกัน --- หรือเขียนแบบเว้นวรรคแบบ - - - ก็ได้ รวมทั้งจะมีมากกว่าสามตัวก็ได้เพื่อความสวยงาม
\
eg,
10\.
ใช้เครื่องหมาย \ เพื่อบอกกับ Parser ว่าตัวอักษรถัดไปเป็นเพียงตัวอักษรธรรมดาเท่านั้น ดังนั้นตัวอย่างข้างต้น Parser จะไม่ตีความเป็น Ordered List เป็นต้น
สำหรับการเขียนแบบ Advanced รวมทั้งรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่ DARING FIREBALL